วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กระเป๋าสะพายข้าง สุดเท่ห์


ราคา 299 บาท

กระเป๋าแฟชั่นเกาหลี

ราคาพิเศษ 299 บาท

กระเป๋าแฟชั่นเกาหลี Coco


ราคาพิเศษ 299 บาท

กระเป๋าผ้าแคนวาส ลายหมีพููห์

ราคา 299 บาท

กระเป๋าหนังแฟชั่น พร้อมส่ง สีครีม


ราคาพิเศษ 650 บาท

กระเป๋าหนังแฟชั่นใบเก๋ พร้อมส่งทั้งสีดำและสีเทาค่ะ






ราคาปกติ499.00 บาท
ค่าขนส่ง60.00 บาท

กระเป๋าผ้า canvas ยี่ห้อ Under Cover

ราคา 399 บาท

ราคาพิเศษ 320 บาท

















วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาดูกระเป๋าแฟชั่นแบบ ที่เน้นความหวาน โดยเราจะเน้นกระเป๋าเกาหลีที่เป็นลวดลายแบบเฟมินีน ซึ่งเพื่อนๆอาจจะเลือกเป็นกระเป่าเกาหลี ที่มีการแต่งริ้บบิ้นสีดำเป็นหลักแต่ควรเลือกริ้บบิ้นแต่งกระเป๋าแฟชั่นที่ เป็นเส้นเล็กๆ ไม่ใช่ว่าหิวข้าวหน้ามืดก็จะเลือกกระเป๋าแฟชั่นแบบที่เป็นเคเอฟซีขึ้นมา กระเป๋าแฟชั่นเกาหลีที่เป็นสุกี้ยากี้ทะเลก็ดูแจ่มนะจ๊ะ แต่จะให้อินเทรนด์สุดๆต้องเป็นกระเป๋าสานที่มีดีไซน์กลมมนรูปไข่ ลองเลือกกระเป๋าเกาหลีแบบที่เป็นกระเป๋าพิซซ่าขอบชีสแล้วหน้าเป็นไส้กรอก เยอรมัน ก็ดูอร่อยดีเหมือนกัน ที่สำคัญควรมีน้ำเป๊ปซี่คู่กับกระเป๋าแฟชั่นเกาหลีของเราด้วยค่ะ

ประวัติความเป็นมา ของกระเป๋า



เมื่อประมาณ 152 ปีที่แล้ว หลุยส์ วิตตอง ช่างทำหีบฝีมือเยี่ยม

ได้ก่อตั้งธุรกิจของตัวเองขึ้น เขามองไกลไปถึงความสำคัญ

ของการเดินทางในโลกสมัยใหม่ จึงได้ออกแบบ

และผลิตหีบสัมภาระรวมทั้งเครื่องใช้ในการเดินทางอื่นๆขึ้นมา

ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแนวทางใหม่นี้ จากนั้นทายาทของเขา

ซึ่งได้รับทักษะมาอย่างเต็มที่ก็ได้แสดงความสามารถอย่างชัดเจน

ด้วยการสร้างอาณาจักรของวิตตองให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

จากช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า จนล่วงเข้าสู่สหัสวรรษที่สาม

ขณะเดียวกันสินค้าหลุยส์ วิตตอง ก็สามารถ ชนะใจบรรดา

ลูกค้าระดับสูงอย่างกว้างขวาง ณ วันนี้ การผจญภัยดังกล่าว

ได้ก้าวมาสู่ในระดับสากลและทางบริษัทกำลังเสาะแสวงหาแนวทางใหม่ๆ

ให้เกิดขึ้นในวงการแฟชั่น หลุยส์ วิตตอง ได้กลายเป็นปรากฎการณ์

ทางสังคมอย่างหนึ่ง โอ้!! ลืมบอกไปว่าหลุยส์ วิตตอง เนี่ยนะค่ะมีมาตั้งแต่

ปี 1854 ตอนนี้ก็ 2010แล้วนะค่ะ เดี๋ยวนี้หลุยส์ วิตตอง ก็ไม่ได้มีแค่หีบสัมภาระ

เหมือนในอดีตแล้ว ปัจจุบันเราจะพบ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ นาฟิกา

และในอนาคตหลุยส์ วิตตอง อาจมีสินค้าอื่นๆให้พวกเราได้เลือกใช้อีกมากมาย

การเลือกกระเป๋าแฟชั่นเกาหลี

เวลาเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่นเกาหลียอด ฮิตแต่ละใบนั้น จะให้ดีควรจะลองสะพายกระเป๋าใบนั้นดูและหากระจกที่มีความยาวที่สามารถส่องดู ได้เต็มตัวเพื่อที่จะประมานความยาวและขนาดว่าเหมาะสมกับสัดส่วนและบุคลิก หรือไม่ จากนั้นก็พิจารณาองค์ประกอบอื่นๆด้วย ถ้าจะดีควรให้เพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่ไว้ใจไปช่วยในก็ตัดสินใจด้วยก็ดีครับ รูปทรง โดยทั่วไปแล้ว กระเป๋าถือควรมีรูปทรงที่ตรงกับรูปร่างของเรา คนผอมควรใช้กระเป๋าทรงกลมหรือทรงมน ส่วนคนที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วนใช้กระเป๋าทรงเหลี่ยมๆจะดีกว่าเพราะจะช่วย ปิดบังหรือเสริมรูปร่างให้ดูดีขึ้นได้ขนาด กระเป๋าที่ดีควรมีขนาดที่เข้ากับตัวคุณ คนที่มีรูปร่างใหญ่ไม่ควรใช้กระเป๋าในได้บเล็กเกินไป เพราะจะทำให้ดูตัวใหญ่มากขึ้น คนตัวเล็กก็ไม่เหมาะที่จะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆเกินไป

Domkeกระเป๋าแฟชั่นราคาถูกลุคExotic By steven

หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อกระเป๋าแฟชั่นราคาถูกDomke(ดอมเก้)แต่ถ้ามใครที่เป็นแฟชั่นนิสต้ากูรูด้านกระเป๋าแฟชั่นตัวจริงแล้ว ต้องรู้จักกับกระเป๋าสตางค์ยี่ ห้อดอมเก้เป็นอย่างดีแน่นอนกระเป๋าแบรนด์ราคาถูกดอมเก้ผลิตออกมาอย่างกะ รองเท้าโอนิตซุกะ มันมีมากมายหลายรุ่นแถมมีสีให้เลือกเพียบ เท่านั้นยังไม่พอยังมีรุ่นฉลองกรณีพิเศษต่างๆก็ออกมาเสริมอีก ใครคิดจะสะสมให้ครบก็เตรียมเงินไว้ให้เยอะๆเลยค่ะ มาดูที่ประวัติของกระเป๋าแฟชั่นราคาส่งแบ รนด์นี้กันบ้าง เจ้าแบรนด์นี้กำเนิดโดยนาย จิม ดอมเก้ (Jim Domke) ช่างภาพหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกา คือเขามีความคิดว่าน่าจะทำให้มันเบาสะพายง่าย ซึ่งจะสะดวกต่อการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ดังนั้นจึงเริ่มผลิตตัวกระเป๋าแฟชั่นเกาหลีขึ้นในช่วงปี1975เป็นชุดแรกโดยได้รับการสั่งซื้อจากหนังสือพิมพ์ที่เขาทำงานนั้นแหละ และต่อมาก็ออกรุ่นต่างๆตามมาจนเป็นที่ยอมรับรู้จักในช่วงหน้าร้อนปี1976 จนในปี1990เมื่อธุรกิจขยายตัวขึ้นก็ได้ขายต่อให้บริษัท Saunders เข้ามาดำเนินการต่อ จนท้ายสุดในปี1999 ทางบริษัท Tiffen ก็เข้ามารับช่วงต่อเพื่อขยายตลอดออกประเทศต่างๆจนปัจจุบัน

กระเป๋าแฟชั่นสไตล์2way

By admin

กระเป๋าแฟชั่น

วันนี้เราขอแนะนำกระเป๋าในรูปแบบใหม่ล่าสุดที่เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมแบบดูหรูหรา เป็น{กระเป๋า ในแบบ2way ที่เป็นกระเป๋าที่สามารถมิกซ์แอนแมทซ์กับเสื้อผ้าแฟชั่นได้หลายสไตล์ เป็นกระเป๋าราคาถูกคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดจาก Marni ที่ซีชั่นนี้ได้ออกแบบกระเป๋าให้เป็นกระเป๋าเลดี้ที่เป็นกระเป๋าคุณผู้หญิงแบบดูหรูหรา ซึ่งคอลเลกชั่น แบบนี้ได้ออกแบบกระเป๋าให้มีดีไซน์แบบสวยหรูเป็นกระเป๋าหนังแท้สีขาวฉลุลาย ดีเทลบนตัวกระเป๋าแฟชั่นเกาหลีมีโลหะสีเงินและคริสตัลชิ้นเล็กๆ ประดับที่บนตัวกระเป๋าแฟชั่นได้อย่างสวยงาม จุดเด่นของกระเป๋าคอลเลกชั่นนี้อยู่ตรงที่เป็นกระเป๋าที่เป็นสไตล์คลาสสิก เหมาะกับแฟชั่นเสื้อผ้าเกาหลีที่เป็นสีขาวหรูหรา หรือเดรสเกาหลีที่ดูเรียบหรูค่ะกระเป๋าใบนี้เป็นสายยาวสีขาว และมีการจับจีบย่นที่ด้านบนของกระเป๋าแฟชั่นเกาหลีอย่างสวยงามค่ะ ซิปกระเป๋ารูดได้คล่องสะดวก และใส่กับรองเท้าแฟชั่นส้นสูงสีขาวจะได้ลุคหรูเริ่ดสุดๆ กระเป๋าแฟชั่น

มะรุม (Horse Radish Tree, Drumstick Tree)มะรุม (Horse Radish Tree, Drumstick Tree) มะรุม ชื่อสามัญ Horse Radish Tree, Drumstick Tree วงศ์ Moringaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. มะรุมในชื่ออื่นๆ : บ่าค้อนก้อม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ), มะรุม (ภาคกลาง), ผักอีฮุม (ภาคอีสาน), ผักอีฮืม ลักษณะทั่วไป มะรุม มะรุม เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร ลำต้นเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอ่อน ผิวค่อนข้างเรียบ มะรุม เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย
ข่าข่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Languas galanga (L.) stuntz และมีชื่อท้องถิ่น เช่น ข่าตาแดง, ข่าหยวก ลักษณะของข่า เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า “เหง้า” เหง้าของข่ามีข้อและปล้องชัดเจน เนื้อในสีเหลือง และมีกลิ่นหอมเฉพาะ ลำต้นข่าที่อยู่เหนือดิน สูงได้ถึง 2 เมตร ใบข่าสีเขียว ออกสลับข้างกัน รูปร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเป็นช่อที่ยอด ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีขาวนวล ด้านในกลีบดอกมีประสีแดงอยู่ด้านหนึ่ง
ขี้เหล็ก Cassia siamea Lamkขี้เหล็ก ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cassia siamea Lamk ชื่อในท้องถิ่นต่างๆ เช่น ขี้เหล็กบ้าน(ลำปาง), ขี้เหล็กใหญ่(ภาคกลาง), ขี้เหล็กหลวง(ภาคเหนือ), ขี้เหล็กจิหรี่(ภาคใต้), ยะหา(ปัตตานี) ลักษณะของขี้เหล็ก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบเป็นแบบใบรวม มีใบย่อยประมาณ 10 คู่ ใบเรียว ปลายใบมนหยักเว้าหาเส้นใบเล็กน้อย โคนใบกลม สีเขียว ใต้ใบซีดกว่าด้านบน และมีขนเล็กน้อย ดอกขี้เหล็กเป็นช่อสีเหลือ
ต้นไม้กันยุง มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster)มอสซี่ บัสเตอร์ (Mozzie Buster) ชื่อวิทยาศาสตร์ Pelargonium citrosum เป็นพืชที่ถูกพัฒนาขึ้น ด้วยวิธีการทางพันธุ์วิศวกรรม โดยนักพืชสวน ชาวดัทช์ Dirk van Leenen ใช้พันธุ์ไม้ 2 ตระกูล คือ อาฟริกัน เจอราเนียม (African Geranium) และตะไคร้หอม (Citronella) ลักษณะของ มอสซี่ บัสเตอร์ เป็นไม้พุ่ม ใบแตกออกจากทั้งตายอดและตาข้าง ขอบใบหยัก คล้ายกับต้นเจอราเนียม แต่มีกลิ่นแบบตะไคร้หอม ทำให้มีคุณสมบัติในการไล่ยุง(แบบ repellent)
ฝรั่ง Guavaฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn. เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ในวงศ์ Myrtaceae ต้นเกลี้ยงมัน กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ยอดอ่อนมีขนสั้นๆ ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปใบรี ปลายใบค่อนข้างมน ดอกเป็นช่อ สีขาว ผลดิบสีเขียว กินได้ มีหลายพันธุ์ เช่น ฝรั่งขี้นก ฝรั่งสาลี่ ฝรั่งเวียดนาม เมื่อสุกเป็นสีเหลือง คำว่าฝรั่งในภาษาอังกฤษคือ Guava ซึ่งมาจากภาษาสเปน คำว่า Guayaba และ ภาษาโปรตุเกส

ข่าวเกษตร บทความเกษตร

บทความเกษตรวันนี้ นำเสนอ “วิธีการทำ EM หมักน้ำซาวข้าว” ซึ่ง EM ย่อมาจาก Effective Microgranisms คือหมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่จะต้องเตรียมสำหรับทำ EM หมักน้ำซาวข้าว น้ำซาวข้าวครั้งที่ 1-2 จำนวน 2 ลิตร จุลินทรีย์ EM 10-20 ซีซี กากน้ำตาล 10-20 ซีซี ภาชนะสำหรับการทำ EM หมักน้ำซาวข้าว กรวย ขวดพลาสติก (ขนาดจุให้ได้ 2 ลิตรขึ้นไป) ภาชนะสำหรับผสม วิธีการทำ EM หมักน้ำซาวข้าว ผสม



เมื่อแตงอ่อน เกือบทำฉันตายในเช้าวันฟ้าใส แสงแดดสีทองเริ่มสาดส่อง ขัีบไล่หยดน้ำ ที่เกาะตาม ขอบใบแตงกวาให้ระเหยหายไป ขณะนี้เวลาหกโมงเช้ากว่าๆ ผมและเพื่อนร่วมงาน จอดรถมอเตอร์ไซด์ตรงหัวแปลง เราเดินลงแปลงด้วยความสดชื่นและคุ้นเคย เพราะเช้านี้มันก็คล้ายกับเช้าวันก่อนๆ แต่สิ่งหนึ่งที่แปลกไป คือ เต่าแตง ปกติต้องเห็นมันบิน หรือไม่ก็เห็นมันจับคู่เมทกันบนใบแตงกวา มาวันนี้ทำไมพวกมันพากันตายเกลื่อน



วิธีลดสารพิษตกค้างในผักเมื่อชีวิตคนเรา จำเป็นต้องดำเนินไปตามวิธีของใครของมัน ถ้าเลือกได้หลายคนคงอยากเลือกบริโภคผัก ที่มาจากธรรมชาติ ผักไร้สาร เน้นย้ำนะครับ ว่า “ไร้สาร” ไม่ใช่แค่ “ผักปลอดภัย” หรือ “ผักปลอดสาร” เพราะผักไร้สาร จะไม่ใช้สารเคมีใดๆเลยในการผลิต ส่วนผักปลอดภัย, ผักปลอดสาร หรือ ผักปลอดสารภัยจากสารพิษ นั้นยังคงมีการใช้สารเคมีอยู่ ไม่มากก็น้อย เพียงแค่จะมีการหยุดใช้สารเคมี



ม่วงเทพรัตน์ (Exacum affine Balf.f. ex Regel Persian Violet)ข้อมูลจาก www.rspg.or.th โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ขอพระราชทานชื่อ exacum เป็นชื่อสามัญไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระราชทานนามว่า ม่วงเทพรัตน์” ในวันที่ 29 กันยายน 2552 ดอกไม้งาม ม่วงเทพรัตน์ ดร.ปิยรัษฎ์ เจริญทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 ทางโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ



การเลี้ยงจิ้งหรีดจิ้งหรีด เป็น แมลงเศรษฐกิจที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย รสชาติอร่อย มีโปรตีนสูง อีกทั้งยังมีความต้องการทางตลาดสูง ส่วนใหญ่ ผู้เลี้ยงจะนำจิ้งหรีดมาเป็นอาหารโดยการแปรรูปคั่วหรือทอดขายตามตลาดทั่วไป หรือกระทั่งทำเป็นจิ้งหรีดอัดกระป๋องเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับจิ้งหรีดและ เพิ่มช่องทางการขาย วิธีการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดทองดำนั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากมากนัก


เทคนิคการปลูกผักสวนครัวชนิดต่าง ๆ

การปลูกผักแต่ละชนิดนั้น ผู้ปลูกจำเป็นต้องเข้าใจถึงลักษณะ การเจริญเติบโตของผัก ชนิดต่างๆ ก่อนเพื่อให้การปลูก และการดูแลรักษา พืชผักให้เหมาะสม กับชนิดของผัก เทคนิคการปลูกผักสวนครัว จึงควรทราบ ดังนี้

1. ตระกูลแตงและตระกูลถั่ว ได้แก่ แตงกวา แตงโม แตงโม ฟักทอง บวบ น้ำเต้า มะระ ถั่วฝักยาว ถั่วแขก และถั่วอื่น ๆ

- ผักต่าง ๆ เหล่านี้มีเมล็ดค่อนข้างใหญ่ งอกเร็ว เช่นผักประเภทเลื้อยถ้าจะปลูกให้ได้ผลดีและดูแลรักษาง่ายควรทำค้าง

- วิธีการปลูก หยอดเมล็ดโดยหยอดในแปลงปลูก หรือภาชนะปลูกหลุมละ 3 – 5 เมล็ด

- เมื่อเมล็ดงอกมีใบจริง 3 – 5 ใบ หลังจากนั้นถอนแยกให้เหลือเฉพาะต้นที่แข็งแรง หลุมละ 2 ต้น

- ใส่ปุ๋ยยูเรียหลังเมล็ดงอก 2 อาทิตย์ เมื่อเริ่มออกดอกใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12

- ให้นำสม่ำเสมอ คอยดูแลกำจัดวัชพืช และแมลงต่าง ๆ

- เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 40 – 60 วัน หลังหยอดเมล็ด

2. ตระกูลกะหล่ำและผักกาด ได้แก่ คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหัว กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และบร๊อกโคลี

- ผักตระกูลนี้มีเมล็ดค่อนข้างเล็ก บางชนิดมีราคาแพงมาก เพราะส่วนใหญ่ต้องสั่งเมล็ดมาจากต่างประเทศ

- วิธีปลูก หยอดเมล็ดเป็นหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด ห่างกันหลุมละ 20 เซนติเมตร หรือโรยเมล็ดบาง ๆ เป็นแถวห่างกันแถวละ 20 เซนติเมตร หลังหยอดเมล็ดหรือโรยเมล็ด 10 วัน หรือเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ ถอนแยกให้เหลือหลุมละ 2 ตัน หรือหากโรยเมล็ดเป็นแถวให้ถอนอีก ระวังระยะต้นไม่ให้ชิดกันเกินไป

- ใส่ปุ๋ยยูเรียหลังจากถอนแยกหรือทำระยะปลูกแล้ว

- หลังใส่ปุ๋ยครั้งแรก 10 วัน ใส่ปุ๋ยยูเรียครั้งที่สอง

- อายุเก็บเกี่ยวผักแต่ละชนิดแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น คะน้า กวางตุ้งเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 30-45 วัน ผักกาดหัว 45-55 วัน ผักกาดขาวปลี เขียวปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 50-60 วัน หลังหยอดเมล็ด

- เมื่อเก็บเกี่ยวไม่ควรถอนผักทั้งต้นเก็บผักให้เหลือใบทิ้งไว้กับต้น 2-3 ใบ ต้นและใบที่เหลือจะสามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้อีก 2-3 ครั้ง

- ข้อควรระยัง ต้องให้น้ำสม่ำเสมอ ผักตระกูลนี้มักมีปัญหาโรคและแมลงค่อนข้างมาก ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด

3. ตระกูลพริก-มะเขือ ได้แก่ พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือพวง มะเขือเทศ

- ผักตระกูลนี้ควรมีการเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกในแปลง

- การเพาะกล้า เตรียมดินในกะบะเพราะหรือในถุงพลาสติก

- หยอดเมล็ดในถุงเพาะ ถุงละ 3 – 5 เมล็ด ถ้าเพาะในกะบะเพาะ ควรเว้นระยะระหว่างต้น 5 เซนติเมตร ระหว่างแถว 10 เซนติเมตร

- เมื่อเมล็ดงอกแล้วมีใบจริง 2-3 ใบ ถอนแยกเหลือต้นกล้าแข็งแรงสมบูรณ์ไว้ 2 ต้น

- เมื่อกล้ามีใบจริง 5-6 ใบ หรือหลังเพาะกล้าประมาณ 30 วัน ย้ายกล้าลงแปลงปลูก

- เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้ หรือเริ่มเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยยูเรีย 1 ครั้ง

- เมื่อต้นเริ่มออกดอกใช้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 12-24-12

- อายุเก็บเกี่ยว มะเขือเทศประมาณ 50-60 วัน หลังย้ายกล้า และพริก มะเขือ ประมาณ 60-75 วัน หลังย้ายกล้า

4. ตระกูลผักชีและตระกูลผักบุ้ง ได้แก่ ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง

- ควรนำเมล็ดแช่น้ำก่อนปลูก ถ้าเมล็ดลอยให้ทิ้งไปและนำเมล็ดที่จมน้ำมาเพาะ

- หว่านเมล็ดในแปลง โดยจัดแถวให้ระยะห่างกัน 15-20 เวนติเมตร กลบดินทับบาง ๆ ประมาณ 1 เซนติเมตร สำหรับขึ้นฉ่าย

- ผักบุ้งจะงอกใน 3 วัน ผักชีประมาณ 4-8 วัน และขึ้นฉ่าย 4-7 วัน

- เมื่อกล้างอกมีใบจริง ถอนแยกและพรวนดินให้โปร่งเสมอจนเก็บเกี่ยว

- ผักบุ้งจีนเก็บเกี่ยวได้ภายใน 15-20 วัน ผักชี 45-60 วัน และขึ้นฉ่าย 60-70 วัน

- สำหรับผักชีและขึ้นฉ่าย ไม่ชอบแสงแดดจัด อาจปลูกในที่ ๆ มีร่มเงาได้ แต่สำหรับผักบุ้งจีน ต้องการแสงแดดตลอดวัน

5. ตระกูลโหระพา กะเพรา แมงลัก และตระกูลผักชีฝรั่ง ได้แก่ โหระพา กะเพรา แมงลักและผักชีฝรั่ง

- เตรียมดินให้ละเอียด หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง ใช้ฟางกลบ หรือ ปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดี แล้วโรยทับบาง ๆ รดน้ำตามทันทีด้วยบัวรดน้ำตาถี่

- เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้าภายใน 7 วัน

- เมื่อกล้าอายุ 1 เดือน ถอนแยกจัดระยะต้นให้โปร่ง หรือใช้ระยะระหว่างต้น ประมาณ 20-30 เซนติเมตร

- โหระพา กะเพรา แมงลัก เก็บเกี่ยวได้หลังหยอดเมล็ด 45-50 วัน ผักชีฝรั่ง เก็บเกี่ยวได้หลังหยอดเมล็ด 60 วัน

- สำหรับโหระพา กะเพรา และแมงลัก ในระหว่างการเจริญเติบโตให้หมั่นเด็ดดอกทิ้งเพื่อให้ลำต้นและใบเจริญเติบโตได้เต็มที่

- ผักชีฝรั่ง ตัดใบไปรับประทาน เหลือลำต้นทิ้งไว้จะสามารถเจริญเติบโตได้อีก

เคล็ดลับการฝึกสุนัข

การฝึกสุนัข
สุนัขเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบและมีความทรงจำดี สามารถฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ง่าย เช่น หยุด นั่ง คอย ฯลฯ เราจึงควรหัดและฝึกฝนสุนัขที่เลี้ยงไว้ตามสมควร สุนัขที่ผ่านการฝึก จะเป็นสุนัขที่น่ารัก และมีคุณภาพมากขึ้น และสุนัขเองก็จะดูมีความสุขมากขึ้น เนื่องจากมีสัญชาตญาณในการ ที่จะเอาใจใส่และใกล้ชิดเจ้าของอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังทำให้สุนัขสามารถอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ ได้ดีมากขึ้น น่าจะเปรียบได้กับการอบรมขัดเกลาแล้ว

ก่อนฝึกหัดสุนัข ผู้ฝึกที่จะทำหน้าที่เป็นครูสอนบทเรียนต่างๆ จะต้องมีสำนึก และคุณสมบัติที่สำคัญ คือ

ย่อมจะเป็นที่ชื่นชมของผู้


1. จะต้องมีนิสัยรักสุนัข รักที่จะฝึกสุนัข เข้าใจในพฤติกรรมและจิตใจของสุนัขพอสมควร

2. มีความอดทน และเพียรพยายามสูง มีความตั้งใจแน่วแน่ จิตใจเข้มแข็ง ใจเย็ย สุขุม รอบคอบ ควบคุมอารมณได้เมื่อสุนัขไม่สามารถทำได้ดั่งใจนึก

3. ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการฝึกสุนัขให้เข้าใจดี ต้องรู้ว่าจะฝึกสุนัขอย่างไร และให้ทำอะไร หาไม่แล้วจะเกิดความสับสนวุ่นวายทั้งคนและสุนัข เพราะไร้จุดหมายที่แน่นอน
อายุของสุนัขที่จะทำการฝึกนั้น เข้าทำนอง “ ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ” ควรฝึกสุนัข เมื่อสุนัขยังมีอายุน้อยๆ ตั้งแต่เป็นลูกสุนัขอายุ 2 เดือน ขึ้นไป โดยฝึกจากสิ่งง่ายๆ ก่อน เช่น การขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง รู้จักคำสั่งง่ายๆ อาจจะกล่าวได้ว่า การฝึกสุนัขขณะอายุน้อยๆ เป็นการฝึกชั้นอนุบาล เพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้ฝึกในชั้นสูงๆ ที่ยากๆ

หลักการฝึก
การฝึกสุนัขนั้นเรายึดหลักซึ่งได้มาจากการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ที่เรียกว่า “ การตอบสนองอย่างมีเงื่อนไข ” ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือคือ “ ทำดีมีรางวัล ทำผิดโดนลงทัณฑ์ ” รวมกับหลักการต่างๆ ดังนี้

1. มีขั้นตอนการฝึกที่แน่นอน จากง่ายๆ ไปหายาก

2. ใช้เวลาฝึกในระยะสั้นๆ ในตอนเริ่มต้น เช่น ไม่ควรเกิน 10 นาที ต่อครั้ง โดยมีการพักช่วงละ 5-10 นาที

3. อย่าทำให้การฝึกเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับสุนัขในระยะเริ่มต้น อย่าดุหรือลงโทษจนสุนัขกลัวลนลาน และหากทำให้เป็นเรื่องสนุกสำหรับสุนัขได้เป็นการดี

4. การออกคำสั่งให้สุนัขทำตาม ต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงและต้องไม่ทำให้สุนัขสับสน

5 .ให้รางวัลสุนัขทันที และทุกครั้งที่สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ถูกต้อง รางวัลที่ให้อาจเป็นตั้งแต่คำชมเช่น “ ดีมาก ” หรือสัมผัส เช่น ใช้มือตบเบาๆ บริเวณลำคอหรือลำตัว

6 .แก้ไขทันทีที่สุนัขทำผิด การแก้ไขคือการลงโทษเป็นการลบล้างพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาของสุนัขออกไป การแก้ไขหรือห้าม ใช้คำพูดออกเสียงดุ นิยมใช้คำว่า “ ไม่ ” ออกเสียงสั้นๆ หนักและดัง ถ้าทำหน้าดุประกอบด้วยก็จะได้ผลมากขึ้นในทางจิตวิทยา เพราะสุนัขมีความสามารถอ่ารหน้าตาท่าทางของเจ้าของได้ดีเท่ากับการอ่านระดับเสียง หรืออาจลงโทษโดยการกระตุกสายสูงในกรณีที่ใช้สายจูงสุนัข ห้ามทำโทษสุนัขโดยการทุบตีหรือทำให้สุนัขเจ็บปวดจนเกินเหตุ เพราะสุนัขจะกลัวและเกลียดการฝึก

การฝึกในเรื่องระเบียบวินัยภายในบ้าน
เมื่อเตรียมครู รู้หลักการแล้ว จึงเตรียมสุนัขให้พร้อมที่จะรับการฝึก สิ่งแรกที่สุนัขต้องรู้จักคือ ชื่อของมัน การตั้งชื่อสุนัขถือหลักการออกเสียงและการจดจำได้ง่าย ควรเป็นคำสั้นๆ ไม่เกิน 2 พยางค์ สมาชิกทุกคนในบ้านควรมีส่วนในการตั้งชื่อด้วย เพื่อให้ได้ชื่อที่เหมาะสมที่สุด การเปลี่ยนชื่อสุนัขบ่อยๆ จะทำให้สุนัขสับสน เพราะลูกสุนัขจะจำชื่อตัวเองได้เร็วมาก ยิ่งเป็นคำสั้นๆ กะทัดรัด และหนักแน่นเท่าไร สุนัขก็จะยิ่งจำได้ง่ายข้นเท่านั้น และเมื่อมีชื่อแล้วก็ต้องหมั่นเรียกบ่อยๆ เพราะถ้ายิ่งเรียกบ่อย สุนัขก็จะจำได้ง่ายขึ้น และเป็นประโยชน์ในการฝึกต่อไปอย่างมาก

1 .การฝึกสุนัขให้ถ่ายเป็นที่เป็นทาง ก่อนอื่นควรจะกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเอาไว้ เช่น ห้องส้วม หรือมุมใดมุมหนึ่งในบ้าน ต่อไปต้องพยายามสังเกตอาการของสุนัขว่ามันต้องการถ่ายหรือยัง ตามปกติลูกสุนัขมักจะร้องคราง ดมกลิ่นที่พื้นหรือวิ่งวนเป็นวงกลม นั่นแสดงว่าต้องการขับถ่าย ลูกสุนัขอายุ 3-6 เดือน จะขับถ่ายประมาณวันละ 5 ครั้ง อายุ 6 เดือน วันละ 4 ครั้ง สุนัขโตแล้ววันละประมาณ 3 ครั้ง ลูกสุนัขมักต้องการถ่ายปัสสาวะเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือหลังกินอาหารแต่ละมื้อ
เมื่อพบว่าสุนัขต้องการขับถ่าย จะต้องรีบพาไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ทันที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งสุนัขก็จะทำได้ อย่าปล่อยให้ขับถ่ายเรี่ยราดตามที่ต่างๆ หากสุนัขทำผิดก็อย่าไปตีหรือลงโทษอย่างอื่นควรใช้เสียงดุว่า “ไม่” แล้วรีบนำไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ เมื่อสุนัขปฏิบัติได้ ก็ควรชมเชยเพื่อให้เข้าใจว่าได้ทำถูกต้องแล้วบ่อยๆครั้งเข้าลูกสุนัขย่อมเกิดการเรียนรู้ และผลสุดท้ายก็จะไปถ่ายตามที่เตรียมไว้อย่างอัตโนมัติ

2 .ฝึกการกินอยู่ หลับนอน การกินอาหารของสุนัขก็ต้องได้รับการฝึกหัดเช่นกัน หากเลี้ยงสุนัขหลายตัวควรแยกสถานที่ให้สุนัขกินให้ห่างกัน เพื่อป้องกันการแย่งกินอาหารและหวงอาหาร ครั้งใดที่สุนัขกินอาหารไม่หมดก็ให้รีบเก็บจานเสีย อย่าทิ้งไว้ให้กินอีกต่อไป จะทำให้สุนัขนิสัยไม่ดี กินอาหารไม่เป็นเวล่ำเวลา หรือแม้แต่การที่สุนัขได้รับอาหารจากบุคคลอื่นนอกเวลาอาหารก็เป็นสิ่งไม่ดี เป็นการเพาะนิสัยให้เป็นสุนัขขอทานได้ จึงควรต้องระวังไม่ให้รับอาหารจากบุคคลอื่นยกเว้นเจ้าของ
ลูกสุนัขจึงควรมีที่หลับนอนเป็นสัดส่วนของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ควรนำลูกสุนัขไปนอนร่วมห้อง หรือบนเตียงด้วยความสงสารหรือเพราะเหตุผลใดๆ เพราะถ้าเริ่มเลี้ยงจากการเอเาไว้ในบ้าน พอลูกสุนัขเริ่มโต หากจับย้ายออกไปขังกรงนอกบ้าน ลูกสุนัข หรือแม้แต่โตแล้วส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม เพราะมันคิว่าเป็นการถูกทอดทิ้ง อาจจะร้องไห้หวยหวนทั้งคืน จะทำให้เจ้าของบ้านหรืเพื่อนบ้านไม่เป็นอันหลับอันนอน เนื่องจากเสียงหนวกหูจากสุนัข

3 .ฝึกป้องกันนิสัยชอบกัดแทะสิ่งของ เป็นธรรมชาติของลูกสุนัขทั้งหลายที่ซนและชอบกัดแทะสิ่งของต่างๆ เพราะมันเริ่มมีฟันจึงกัดแทะเครื่องใช้สิ่งของในบ้าน ลูกสุนัขต้องการกัดแทะสิ่งของเพื่อความสะอาดของฟัน นวดเหงือกขจัดฟันน้ำนมให้หลุดเร็วๆ รวมทั้งการระบายความเครียด หรือเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่มีใครเล่นด้วย จึงหาสิ่งของมากัดเล่น
ควรหาเครื่องเล่นสำหรับสุนัข เช่น ลูกบอลเล็กหรือกระดูกยาง หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดแทะให้สุนัขกัดเล่น ป้องกัดไม่ให้ไปทำลายสิ่งของอื่นในบ้าน เมื่อเห็นว่าสุนัขกัดสิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ประสงค์ต้องออกคำสั่งว่าอย่า หรือไม่ แล้วจับปากแยกออกพร้อมดึงของออกจากปาก อย่าพยายามดึงสิ่งของที่สุนัขคาบอยู่ เพราะสุนัขอาจคิดว่าเราอยากเล่นกับมันด้วย ใช้น้ำเสียงดุและปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็จะจำได้

การฝึกสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งขั้นต้น
หลังจากที่ลูกสุนัขมีวินัยพอสมควรในเรื่องต่างๆ ข้างต้น และผู้ฝึกสามารถสื่อสารกับสุนัขในการสั่งห้ามและชมเชย ต่อไปก็ควรฝึกคำสั่งพื้นฐานอื่นๆเช่น การเดิน นั่ง หมอบ รอ และมาหา อาจต้องแสดงท่าทางประกอบ หรือค่อยจัดท่าให้ทำตามคำสั่ง สอนทุกวัน สาธิตให้ดูซ้ำและซ้ำอีก อย่าหมดความอดทนหรือ อารมณ์เสียก่อน ต้องคิดเสมอว่าเรากำลังสาธิตให้สุนัขทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งไม่เป็นสัญชาตญาณตั้งแต่เกิด


อุปกรณ์ในการฝึกที่สำคัญสองอย่างคือ โซ่คอและสายฝึก ควรหาปลอกคอที่กว้างพอสมควร อย่าให้บีบรัดคอมากเกิดไป สายฝึกเป็นหนังหรือเป็นผ้าขนาดยาวประมาณ 5 ฟุต สายฝึกจะติดอยู่กับปลอกคอ เพ่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ฝึกกับสุนัข และการใช้โซ่คล้องคอสุนัขจะต้องให้ห่วงที่คล้องสายฝึกอยู่ทางด้านซ้ายของสุนัขเสมอ เพื่อไม่ให้โซ่รัดคอเมื่อไม่ได้ดึงสายฝึก
ในตอนแรกอาจจะต้องหัดให้สุนัขคุ้นเคยกับโซ่คอเสียก่อน เพราะสุนัขบางตัวไม่ยอมให้ใส่ปลอกคอ หรือล่ามโซ่ เพราะความไม่เคยชิน ฝึกหัดเข้าสายจูงให้ตึงเท่านั้น สุนัขอาจจะขันขืนก็ให้ปล่อยสายจูงและพูดปลอบจนสุนัขนิ่งจึงค่อยๆ จูงเดินระยะ 2-3 ก้าว ชมสุนัขเมื่อไม่ขัดขืน แล้วจึงเพิ่มระยะทาง กรฝึกเข้าสายจูงและการเดินจูงอาจกินเวลา 3-4 วัน ในการจูงสุนัขต้องให้สุนัขอยู่ทางด้านซ้ายเดินชิดเข่า อาจกระตุ้นให้สุนัขเข้ามาใกล้ตัว โดยการตบต้นขาซ้ายแล้วบอกว่า “ชิด” และถ้าสุนัขเข้ามาชิดตัวให้ลูบหัวหรือตบไหล่ซ้ายของสุนัขเบาๆ แล้วชมว่า “ดีมาก” การเรียกชื่อสุนัขประกอบทุกครั้งจะช่วยให้สุนัขสนใจดีขึ้น

1. ฝึกเดิน ให้สุนัขอยู่ทางด้านซ้ายมือของผู้ฝึก ใช้คำสั่ง “เดิน” เพียงคำเดียว แล้วเริ่มออกเดิน อาจจะต้องดึงสายฝึกเล็กน้อยเพื่อให้สุนัขทำตาม พยายามเดินช้า อย่ากระชากลากถู ถ้าสุนัขไม่ทำตามหรือเดินล้าหลัง ให้กระตุกสายฝึกเบา ๆ ให้สุนัขเดิมตามทัน และชมเชยทุกครั้ง หากสุนัขเดินนำหน้าหรือเดินออกห่างไปอย่าเร่งฝีเท้าหรือวิ่งตาม เพราะจะนิ่งเตลิดออกไป ค่อย ๆ ดึงสายฝึกให้กลับมาหรือเดินช้าลง พยายามเดินคู่กันตลอด ควรฝึกเดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อหัดเดินตรงและเลี้ยว ชมเชยทุกครั้งที่สุนัขปฏิบัติได้ถูกต้อง

2. ฝึกหยุดอยู่กับที่ เมื่อจูงสุนัขมาได้สักระยะหนึ่ง ให้ชิดเท้าหยุดพร้อมกับออกคำสั่ง “หยุด” และดึงสายจูง สุนัขจะหยุดให้รางวัลโดยการตบเบา ๆ ที่ไหล่ซ้ายหรือลำคอ ชมว่า “ดีมาก” ทำซ้ำ 5-6 ครั้ง สุนัขจะหยุดได้เองหลังจากออกคำสั่งโดยไม่ต้องออกคำสั่งโดยไม่ต้องดึงสายจูง

3. ฝึกนั่ง หลังจากที่สุนัขหยุดได้ถูกต้องเมื่อออกคำสั่ง ต่อมาอีก 2-3 วัน ให้ทำการฝึกสุนัขนั่ง เริ่มจากสั่งให้สุนัขหยุดจากนั้นสักครู่จึงออกคำสั่ง “นั่ง” พร้อมทั้งกับดึงสายจูงขึ้น ขณะเดียวกันใช้มือซ้ายกดท้ายสุนัขลงไป การฝึกนั่งสุนัขพันธุ์ใหญ่ๆ บางตัวอาจจะต้องใช้แรงดึงสายจูงและกดท้ายหนักๆ ในตอนแรกๆและต้องทำซ้ำหลายๆครั้ง จนสุนัขเข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้อง จึงชมเชยสุนัข

4. ฝึกหมอบ เมื่อสุนัขรู้จักนั่งตามคำสั่งได้ดีแล้ว ก็ฝึกให้สุนัขรู้จักการหมอบ การฝึกขั้นนี้จะทำต่อเนื่องกันไปจากการฝึกนั่งคือ เมื่อสุนัขนั่งเป็นแล้ว ก็สอนให้สุนัข “หมอบ” โดยการออกคำสั่ง “หมอบ” พร้อมกับก้มตัวดึงสายจูงลง หากจำเป็นต้องใช้มือซ้ายช่วยกดไหล่ของสุนัขด้วย ทำซ้ำๆจนสุนัขทำได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องใช้แรงบังคับ

5. ฝึกคอย หลังจากที่สุนัขนั่งและหมอบตามคำสั่งได้ดีแล้ว การสั่งให้สุนัขคอยจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก โดยการออกคำสั่งว่า “คอย” ประกอบสัญญาณมือ ด้วยการยกมือขวาหันหน้ามือไปทางสุนัข

การสั่งสุนัขคอยในตอนแรกให้ก้าวขามาข้างหน้าสุนัข 1 ก้าว แล้วหันหน้าไปออกคำสั่ง “ไม่” แล้วตามด้วยคำว่า “คอย” ทำเช่นนี้ซ้ำกันหลายๆครั้ง พร้อมกับเริ่มระยะทางห่างจากสุนัขจนถึงสุดสายจูง และเพิ่มเวลาการให้สุนัขคอยอย่างน้อย 5 นาที ให้รางวัลทุกครั้งเมื่อสุนัขทำได้ถูกต้องตามคำสั่ง

6. ฝึกมา ควรเรียกชื่อสุนัขแล้วตามด้วยคำสั่ง “มานี่” ถ้ามันไม่มา อาจต้องเดินไปหาแล้วอุ้มมายังที่ๆ ผู้ฝึกยืนอยู่ ฝึกจนกว่าสุนัขจะเชื่อมโยงคำสั่งกับการกระทำ อย่าลืมชมเชยทุกครั้ง

ทุกขั้นตอนของการฝึกที่กล่าวมานี้ ต้องเป็นไปตามลำดับและอาจต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 5-6 สัปดาห์ สุนัขจึงจะต้องปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงจะฝึกโดยเริ่มจากการเดิน หยุด นั่ง หมอบ คอย ต่อไป ส่วนวิธีการฝึกก็เหมือนกับการฝึกในการฝึกในสายจูงทุกประการ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการฝึกสุนัขขั้นพื้นฐานอันจำเป็นสำหรับการฝึกในขั้นสูงต่อไป ความรัก ความสนใจ ความอดทน ที่ผู้ฝึกมีให้แก่สุนัข อาจทำให้ค้นพบวิธีการที่เหมาะสมอื่นๆ ได้ แต่หลักการสำคัญในเรื่องคำชม คำห้ามอื่นๆ ควรยึดเป็นหลักไว้ ปัจจุบันมีโรงเรียนฝึกสุนัขเกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งหากมีข้อสงสัยใดๆ ในการฝึก ก็อาจสอบถามจากโรงเรียนเหล่านี้ หรือจากคอกเลี้ยงสุนัข